ฉายาแมวเก้า ชีวิตในวงการบันเทิง ไม่ได้มาง่ายๆจริงๆ เพราะชายหนุ่มคนนี้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์”
ที่ปัญหาในชีวิตมากมาย แต่หลายครั้งเขาก็กลับมาอยู่ในวงการได้เสมอ อีกทั้งยังเป็นที่สนใจแก่คนทั่วไปอีกด้วย
ฟิล์ม ได้เล่าถึงการทำงานว่า “ผมถูกต้นสังกัดบอกไม่ให้งานสองปี ช่วงที่ผมหายไปตอนนั้นก็ไปอยู่ต่างประเทศส่วนใหญ่
แล้วถูกพักงานด้วย จะไปแอบรับงานก็ไม่ดี เฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) เลยบอกว่าฟิล์มไปต่างประเทศไหมไปเรียนไหม เราก็โอเค
เพราะเป็นอีกหนึ่งความฝันของเราด้วยที่เราอยากไปอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว เลยได้ไปอยู่พอไปอยู่แล้วก็คำนวณว่าเราจะอยู่กันยังไงเพราะสองปี
ผมเอาแม่ไปด้วยเพราะ แม่ กับ ผมอยู่ด้วยกันตลอด เพราะปกติที่ผ่านมาผมจะเป็นเสาหลักของครอบครัว
แล้วสองปีไม่มีทุนที่เราหามาได้เราต้องใช้ทุนเก่าบวกกับเราต้องไปอยู่ เราเลยต้องจัดการให้ดี
ตอนนั้นก็ไปสมัครเป็นคนล้างจานในร้านอาหารไทยครับ คือหกเดือนแรกผมล้างจานอย่างเดียวเพราะว่ายังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง จำเมนูไม่ได้
แต่พอเราได้ใช้เวลาเรียนรู้เราก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นพนักงานบริการ ตอนนั้นคนที่เห็นเราก็เริ่มตกใจ ร้านก็ขายดีมากขึ้นแฟนๆ จะคิดถึงเรา
มาหาเราแล้วก็ถ่ายรูป ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ ทุนมันหายากมากเลยนะ คือเมื่อก่อนตอนเป็นศิลปินไปยืนไม่นานก็ได้เป็นแสนๆ แล้ว
พอเล่าถึงชีวิตช่วงนั้น ฟิล์มก็ถูกถามว่ารู้สึกแย่ไหมที่ต้องทำงานล้างจาน ซึ่งเขาก็ตอบว่า “ไม่รู้สึกเลยครับ เพราะตอนที่อยู่ที่บ้านผมเป็นคนที่ล้างจานอยู่แล้ว
แต่ผมจะรู้สึกกับคนที่มาดูถูกมากกว่าเพราะในบางครั้งมีผู้ชายมากับผู้หญิง แล้วผู้หญิงมากรี๊ดชอบเราแล้วเราเสิร์ฟเขาก็จะพูดจากับเราไม่ดี
อย่างเวลาผมไปร้องเพลงกลางคืน ตอนเสาร์ อาทิตย์ เพราะตอนนั้นเราต้องหาทุนทุกช่องทางเท่าที่ทำได้ ตอนเช้าผมเรียนหนังสือ ตอนเย็นมาเสิร์ฟ
ตอนกลางคืนไปร้องเพลง ก็ร้องเพลงไทยทั่วๆ ไป และบางทีผมก็ไปยืนขายตั๋วฟุตบอล เพราะร้านอาหารไทยที่ผมทำเขาอยู่ติดกับสนามฟุตบอลแล้วเขาก็ได้สปอนเซอร์ ได้บัตรฟรีมา (เขาบอกว่าเขาดูจนเบื่อแล้ว)
ผมเลยขอบัตรเขามาแล้วเอาไปขายต่อ แล้วบางทีคนไทยเขาไม่เข้าใจไงครับว่าซุปตาร์ทำไมมายืนขายตั๋ว แต่เพราะความอยู่รอดของผม
ผมเลยไปยืนขายและสิ่งที่ผมได้จากการขายบัตรที่สุด คือ จากคนไทยเพราะเวลาเขาไปแล้วเขาไม่มีตั๋ว ตอนไปยืนขายก็มีคนดูถูกเรานะครับ ว่าทำไมมายืนขายแบบนี้”